ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) บริษัทยาและเทคโนโลยีชีวภาพซึ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ด้วยเทคโนโลยี mRNA ได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ภายในปี 2030 โลกจะมีวัคซีนป้องกันโรคที่รักษายากอย่างเช่น มะเร็ง โรคหัวใจ และโรคภูมิแพ้ตัวเอง ออกมาพร้อมใช้งานอย่างแน่นอน
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ก็ต้องบอกว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนทั้งโลก เพราะในแต่ละปี จะมีผู้เสียชีวิตจากโรคร้ายเหล่านี้มากกว่าหลายสิบล้านคนต่อปี
นึกว่าลูกแก้วอัญมณี! ภาพ “ดาวยูเรนัส” จากกล้อง “เจมส์ เว็บบ์”
เอกสารเพนตากอนรั่วไหล ข้อมูลทางทหารยูเครนหลุดเพียบ
ผลการศึกษาพบ "ChatGPT" ช่วยคัดกรองมะเร็งเต้านมได้ดี คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ดร.พอล เบอร์ตัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของบริษัทโมเดอร์นา กล่าวว่า เขาเชื่อว่าบริษัทจะสามารถนำเสนอการรักษาดังกล่าวสำหรับ “โรคทุกประเภท” ภายในเวลาเพียง 5 ปี โดยที่ผ่านมา กำลังพัฒนาวัคซีนป้องกันมะเร็งที่มีเป้าหมายเป็นเนื้องอกประเภทต่าง ๆ
เบอร์ตันกล่าวว่า “เราจะมีวัคซีนนั้นและมันจะมีประสิทธิภาพสูง และจะช่วยชีวิตผู้คนนับแสนหรือหลายล้านชีวิต ผมคิดว่าเราจะสามารถมีวัคซีนป้องกันมะเร็งเฉพาะบุคคลเพื่อต่อต้านเนื้องอกหลายชนิดแก่ผู้คนทั่วโลกได้”
เขายังกล่าวด้วยว่า โรคติดเชื้อทางเดินหายใจหลายระบบในอนาคตจะสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดเพียงครั้งเดียว ทำให้ผู้ที่อ่อนแอได้รับการป้องกันจากทั้งโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสทางเดินหายใจ (RSV) โดยไม่ต้องฉีดวัคซีนหลายตัวอีกต่อไป
เบอร์ตันกล่าวว่า “ผมคิดว่าเราจะมีการป้องกันโรคด้วยเทคโนโลยี mRNA สำหรับโรคหายากที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถรักษาได้ และผมคิดว่า 10 ปีนับจากนี้ เราจะเข้าใกล้โลกที่คุณสามารถระบุสาเหตุทางพันธุกรรมของโรคได้อย่างแท้จริง และจะสามารถแก้ไขและซ่อมแซมโดยใช้เทคโนโลยี mRNA ได้”
สำหรับเทคโนโลยี mRNA นั้น เป็นการผลิตวัคซีนรูปแบบใหม่ จากเดิมการพัฒนาวัคซีนมักใช้โปรตีนของไวรัส หรือใช้ไวรัสที่ถูกทำให้อ่อนแอ ฉีดเข้าไปร่างกายเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา แต่วิธีนี้จะฉีดสารพันธุกรรมที่เรียกว่า mRNA เข้าไปในร่างกาย ซึ่งร่างกายก็จะสร้างโปรตีนที่มีลักษณะคล้ายหนามของไวรัสโควิด-19 แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ขึ้นมา และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานเพื่อต่อสู่กับไวรัสต่อไป
สำหรับวัคซีนมะเร็ง mRNA นั้นจะสามารถแจ้งเตือนระบบภูมิคุ้มกันต่อมะเร็งที่เติบโตแล้วในร่างกายของผู้ป่วย จึงสามารถโจมตีและทำลายมะเร็งได้โดยไม่ทำลายเซลล์ที่แข็งแรง
ที่วัคซีนมะเร็ง mRNA ทำแบบนั้นได้ เกี่ยวข้องกับการระบุชิ้นส่วนโปรตีนบนพื้นผิวของเซลล์มะเร็งที่ไม่มีอยู่ในเซลล์ที่แข็งแรง จากนั้นสร้างชิ้นส่วนของ mRNA ที่จะสั่งให้ร่างกายสร้างมันขึ้นมา
ขั้นแรก แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อเนื้องอกของผู้ป่วยและส่งไปยังห้องแล็บ ซึ่งสารพันธุกรรมของเนื้องอกจะได้รับการจัดลำดับเพื่อระบุการกลายพันธุ์ที่ไม่มีอยู่ในเซลล์ปกติ จากนั้นจะระบุว่าการกลายพันธุ์แบบใดที่มีส่วนทำให้เกิดการเติบโตของมะเร็ง รวมถึงหาโปรตีนที่ผิดปกติซึ่งเกิดการกลายพันธุ์และมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันมากที่สุด จากนั้นแอนติเจนที่มีแนวโน้มมากที่สุดจะได้รับการผลิตและบรรจุลงในวัคซีนเฉพาะบุคคล
เบอร์ตันกล่าวว่า “ผมคิดว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาคือ หากคุณเคยคิดว่า mRNA เป็นเพียงวัคซีนสำหรับโรคติดเชื้อหรือสำหรับโควิด-19 เท่านั้น หลักฐานในตอนนี้ก็คือมันไม่ใช่อย่างนั้น … มันใช้ได้กับทุกพื้นที่ของโรค ไม่ว่าจะกลุ่มโรคมะเร็ง โรคติดเชื้อ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคหายาก เรามีการศึกษาในทุกด้านและทั้งหมดได้แสดงให้เห็นถึงความหวังอันยิ่งใหญ่”
เมื่อเดือนมกราคม โมเดอร์นาประกาศผลการทดลองขั้นสุดท้ายของวัคซีน mRNA สำหรับ RSV ซึ่งบ่งชี้ว่ามีประสิทธิภาพ 83.7% ในการป้องกันโรคอย่างน้อย 2 อาการ คือ อาการไอและไข้ ในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป
จากข้อมูลนี้ องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้อนุมัติกำหนดให้มันเป็นวัคซีนเพื่อการรักษาแบบก้าวหน้า หมายความว่าจะมีการเร่งทบทวนกฎระเบียบเพื่อลดเวลากระบวนการที่จะนำมาใช้จริงให้สั้นลง
ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์ FDA ได้อนุมัติให้วัคซีนมะเร็งเฉพาะบุคคลของโมเดอร์นาเป็นวัคซีนเพื่อการักษาก้าวหน้าเช่นกัน โดยพิจารณาจากผลลัพธ์ล่าสุดในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาที่ออกมาดี
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP